ใครบ้างไม่เคยมีน้ำตา ใครบ้างไม่เคยอ่อนล้าโรยแรง ใครบ้างที่แกร่งได้ตลอดเวลา ใครบ้างที่ก้าวกล้าแต่เพียงลำพังคนเดียวได้ตลอดไป คำตอบคือไม่มีหรอก มนุษย์เป็นสัตว์สังคมธรรมชาติสร้างมาให้อยู่ด้วยกันมากกว่า 1 ชีวิต ซึ่งน่าจะหมายถึงว่ามนุษย์ควรต้องพึ่งพาอาศัย เกื้อกูลกัน ยินดีต่อกัน สนับสนุนช่วยเหลือกัน เป็นที่พึ่งกันได้ทั้งทางกายและทางใจ เพราะไม่มีมนุษย์คนใดสมบูรณ์พร้อม ในวันที่เราไม่ไหว เราไม่สามารถจะเยียวยาตัวเองได้ก็ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอบ้างก็ได้

มนุษย์ทุกคนอยากเป็นคนเข้มแข็ง เก่งกล้าสามารถ ประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับของคนอื่น อยากให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกคน เราจึงเผลอนิยามความเป็นคนเก่งว่า คนเก่งต้องไม่ร้องไห้ ต้องไม่อ่อนแอ อยากสำเร็จห้ามอ่อนแอ ความอ่อนแอเป็นอาการของคนแพ้เท่านั้น แท้ที่จริงแล้วเรากำลังตกลงไปในหลุมพรางแห่งความเข้าใจผิด เมื่อเจอโจทย์หนัก กายใจต้องการพักคนเก่งและแกร่งแค่ไหนก็ต้องอ่อนแอได้ อ่อนแอแล้วได้อะไร

เปิดโอกาสให้คนอื่นได้แสดงมุทิตาจิต ในวันที่เราแกร่งเราดำเนินกิจกรรมชีวิตด้วยตัวของเราเองแทบจะทั้งหมดจึงแทบจะปิดโอกาสที่จะให้คนอื่นได้ดูแลเลย แต่เมื่อถึงวันที่เราอ่อนแอมีกัลยาณมิตรมากมายอยากแสดงมุทิตาจิตกับเรา อยากแสดงความกตัญญู อยากตอบแทน อยากเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย อยากเป็นคนสำคัญที่คอยอยู่เคียงข้าง ฯลฯ โอกาสที่ปิดมาโดยตลอดก็ถูกเปิดออกเมื่อเรายอมรับว่าเราอ่อนแอ ซึ่งเท่ากับเราได้เปิดประตูสุขให้กับคนอื่นด้วยเช่นกัน

เรียนรู้ชีวิตในอีกมุมหนึ่ง เราจะเห็นว่าเหรียญมีสองด้าน มีวันสดใสแล้วมันก็มีวันมืดดำ ในวันที่เรามีชัยชนะเราได้ยิ้มสุดใจ แต่วันที่เราไม่ไหวเราก็ไม่ต้องฝืนตัวเองให้เกินกำลัง พัก และเว้นวรรคปล่อยให้ตัวเองได้อ่อนแอบ้างนับเป็นการเติมพลังให้ทางอ้อม แล้วมันจะเป็นบทเรียนให้เราเข้าใจคำว่าไม่จีรัง หากวันหนึ่งข้างหน้าจะต้องอ่อนแออีกครั้งเราก็จะมีภูมิต้านทานติดตัวไปเราจะอ่อนแอแบบฉลาดมากขึ้นและกลับมาเข้มแข็งได้เร็วขึ้น

สลายความเครียด ในวันที่ได้ร้องไห้ ปล่อยให้คนอื่นพยุง ปรุงรสด้วยธรรม คำสอนดี ๆ มีโอกาสได้ไปในที่ๆที่ไม่เคยคิดจะไป ได้ระบายเรื่องที่เก็บกดบีบคั้นในใจ ประสบการณ์แปลกใหม่นี้ จะช่วยทำให้สมองโปร่ง โล่งสบาย ปลดปล่อยความเครียดที่กดทับสะสมให้พ้นร่างกาย และจิตใจของเราได้โดยอัตโนมัติ

ค้นพบมิติใหม่ ๆ ในการดำเนินชีวิต ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ ในความมืดดำย่อมมีแสงสว่าง หากเรายอมรับในสภาวะที่เราเป็นจิตเราจะปล่อยวาง เรียนรู้เข้าใจ มีสติที่จะมองหาแสงสว่างในความมืดมิดชัดเจนขึ้น

ถ้าไม่เคยอ่อนแอก็จะไม่รู้คุณค่าของความเข้มแข็ง ถ้าไม่เคยหมดแรงก็จะไม่รู้คุณค่าของคนที่คอยพยุง ทุกสิ่งมีเกิดย่อมมีดับ มีวันรุ่งก็ต้องมีวันรางจางหาย เหนื่อยนักก็ต้องรักที่จะเรียนรู้การพักวาง เว้นวรรคให้ชีวิตได้ปรับได้ปรุงเตรียมความพร้อมให้สูงขึ้นอีกระดับ ความสำเร็จไม่ได้มาจากความเข้มแข็งเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีความโดดเดี่ยว อ่อนแอเป็นครูที่ทรงอานุภาพด้วย เราจึงอยากบอกว่า “อ่อนแอบ้างก็ได้นะ”