บล็อก เรื่องเล่า ตำนานเล่าขาน กีฬา และประวัติศาสตร์

Category: ธุรกิจ

การลงทุนทำธุรกิจในยุคนี้ มีความเสี่ยงอย่างไร

การลงทุนในธุรกิจในยุคปัจจุบันมีความเสี่ยงที่หลากหลายและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของธุรกิจ, สภาพการเงินของบุคคลหรือบริษัทที่ลงทุน, สภาพการเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค, และปัจจัยทางกฎหมายและนโยบายรัฐบาล เพราะฉะนั้น ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจเป็นสำคัญ นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงโดยการดำเนินธุรกิจที่มีการวางแผนอย่างรอบคอบและการดำเนินการที่ระมัดระวังสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้บ้าง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในธุรกิจย่อมมีความเสี่ยงเสมอ และการเตรียมตัวให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของการลงทุนในทุกยุค การคำนึงถึงความเสี่ยงที่เป็นไปได้และการดำเนินการในทางที่เหมาะสมสำหรับความเสี่ยงเหล่านั้นจะช่วยให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นในการลงทุนในธุรกิจในยุคปัจจุบัน

ข้อเสียในการลงทุนธุรกิจ

ความเสี่ยง : ธุรกิจมีความเสี่ยงที่ต่างกันอยู่ทั้งการเงิน, การตลาด, และปัจจัยอื่น ๆ การลงทุนอาจทำให้ขาดทุนหรือสูญเสียเงินทุนเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน, การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายและนโยบายรัฐบาล, หรือการแข่งขันที่แรงกว่าที่คาดหวัง

การจัดการและการดูแล : การดูแลธุรกิจต้องใช้ทรัพยากรเช่นเวลา, ความสามารถทางการบริหาร, และทุนการลงทุน การทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องการความสามารถในการวางแผน, การตัดสินใจ, และการดำเนินการอย่างรอบคอบ

ความไม่แน่นอนในตลาด : ธุรกิจอาจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในตลาด เช่น การเปลี่ยนแปลงในความต้องการของลูกค้า, การเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยี, หรือการเปลี่ยนแปลงในการแข่งขัน ที่ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวในการดำเนินธุรกิจของตนเอง

ความทุกข์ทรมานในการจัดหาทุน : การลงทุนในธุรกิจอาจต้องใช้ทุนมากและมีความยากลำบากในการจัดหาทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจในระยะเริ่มต้น ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องพึ่งพาการกู้ยืมหรือการระดมทุนจากนักลงทุนภายนอก

การดำเนินธุรกิจไม่สำเร็จ : ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่สามารถประสบความสำเร็จได้ เมื่อธุรกิจไม่สามารถทำกำไรหรือไม่สามารถเติบโตตามที่คาดหวัง ผู้ลงทุนอาจต้องเผชิญกับการสูญเสียทุนหรือการล้มละลายของธุรกิจ

การลงทุนในธุรกิจมีความเสี่ยงและข้อเสียต่าง ๆ เหล่านี้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่มากมายสำหรับผู้ลงทุนที่มีการวางแผนและดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและมีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจของตน

ออกแบบเว็บไซต์ด้วยตัวเอง หรือจ้างทำดีกว่ากัน ?

การมีเว็บไซต์เป็นหน้าร้านในการให้ข้อมูลสินค้าและรับออเดอร์จากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เป็นสิ่งจำเป็นในยุคที่ผู้คนนิยมซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 5G เว็บไซต์ใดที่ออกแบบให้สวยงาม มีภาพกราฟิกที่ดึงดูดใจ คลิกหาเลือกชมสินค้าที่ต้องการได้ง่าย ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง ทั้งด้านของการสร้างชื่อเสียงแบรนด์ให้ติดตลาดและมีออเดอร์สินค้าอย่างต่อเนื่องได้ตลอดปี สำหรับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจออนไลน์มือใหม่ อาจต้องเลือกระหว่างการออกแบบเว็บไซต์ด้วยตัวเอง และการจ้างบริษัททำเว็บไซต์ ว่าแบบไหนจะดีกว่ากัน

การจ้างบริษัทออกแบบเว็บไซต์จะใช้เวลาน้อยกว่า เนื่องจากมีบริษัทจะทีมงานหลายคนที่มีความชำนาญในการวางแผน คิดและทำอย่างเป็นระบบชัดเจน แต่หากทำเว็บไซต์ด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นโดยไม่มีประสบการณ์มาก่อน ก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้นาน 2-3 เดือนขึ้นไป และหากคุณทำงานประจำอยู่ด้วยก็จะยิ่งใช้เวลามากขึ้นไปอีก การทำเว็บไซต์ของตัวเองจะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า มีแต่เฉพาะค่าเช่าพื้นที่และค่าโดเมนเท่านั้น ที่เป็นเงินหลักร้อยถึงพันบาท แต่ถ้าใช้บริการบริษัทออกแบบเว็บไซต์ ก็จะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไว้หลักพันถึงหลายหมื่นบาทในช่วงเริ่มต้น และอาจมีการคิดค่าจ้างรายเดือนหรือรายปีเพื่อการพัฒนาปรับปรุงเป็นระยะด้วย

ความสวยงามของเว็บไซต์

ถ้าคุณถนัดการทำธุรกิจ แต่ไม่ถนัดในการออกแบบสีสัน การทำกราฟิกคอมพิวเตอร์ และการดีไซน์รูปแบบที่ส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ ฯลฯ ก็จะทำให้เว็บไซต์ขาดความสวยงาม ไม่ดึงดูดใจ แม้สินค้าจะดีแค่ไหนก็ตาม กรณีนี้ ควรเลือกใช้บริการออกแบบเว็บไซต์ของบริษัทมืออาชีพ ที่จะพิจารณานำจุดแข็งของธุรกิจคุณ มาสร้างความโดดเด่นและดีไซน์หลายแบบให้คุณเลือกที่ชื่นชอบมากที่สุดได้ นอกจากนี้ เจ้าของกิจการจะมีความเข้าใจในธุรกิจของตัวเองมากที่สุด ทั้งที่มาของธุรกิจ กระบวนการผลิตสินค้า แนวทางในอนาคต ฯลฯ หากทำเว็บไซต์ด้วยตัวเองก็จะตีโจทย์ได้ชัดเจนที่สุด ส่วนการจ้างบริษัททำ ก็อาจได้ผลงานที่ดีเช่นกัน เพียงแต่ต้องชี้แจงรายละเอียดให้ชัดเจน ให้บริษัทเข้าใจธุรกิจของคุณให้มากที่สุด

สำหรับ คนที่ชอบความเป็นอิสระ สามารถปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเองตลอดเวลา โดยไม่ต้องปรึกษาใคร แต่ถ้าจ้างทีมออกแบบเว็บไซต์ ก็ต้องมีการสื่อสารกับทีมงาน เพื่อวิเคราะห์ ปรับปรุง แก้ไข พัฒนาเว็บไซต์อยู่เรื่อย ๆ การจ้างงานหรือการทำเว็บไซต์เอง ต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่คุณต้องพิจารณาว่าแบบใดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ทั้งนี้ คุณอาจจะดูรีวิวความประทับใจของลูกค้าที่เคยจ้างงาน ก็จะทำให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

3 ความคิด เพิ่มกำลังใจคนที่ล้มเหลวในธุรกิจ ช่วงสถานการณ์โควิด-19

ความล้มเหลวเกิดจากการโทษตัวเองซ้ำ ๆ ตั้งใจจะลืมก็ทำได้ยากจึงส่งผลกระทบต่อจิตใจ แต่อย่างไรก็ตามความเสียใจก็สามารถบรรเทาได้ด้วยกำลังใจ โดยเฉพาะหลายคนที่ล้มเหลวในธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 จนไม่ลุกขึ้นมาหรือไม่กล้าลงมือทำอะไรเกี่ยวกับธุรกิจ เนื่องจากได้จินตนาการความล้มเหลวที่เคยเกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนเราสามารถกลับมาทำธุรกิจได้อีกครั้ง ด้วยการเพิ่มกำลังใจให้ตัวเอง ซึ่งมีหลักคิดที่ยอดเยี่ยม 3 ประการ คือ

1. คิดในสิ่งที่ทำให้ธุรกิจไปในทางที่ดีขึ้น

ถึงแม้ว่าเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม การเริ่มต้นทำธุรกิจอีกครั้งก็ยังไม่สาย ด้วยการคิดว่าที่ผ่านมา “ยิ่งล้มเหลวก็ยิ่งเข้มแข็ง” ซึ่งสังเกตได้จากคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจโดยส่วนใหญ่แล้ว พวกเขามักคิดว่า “ไม่มีใครที่ไม่เคยล้มเหลวหรอก” จึงทำให้พวกเขาเกิดการเรียนรู้และไม่ล้มเลิกในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ พวกเขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เนื่องจากไม่เกิดประโยชน์ แถมยังทำให้เสียเวลาในการเริ่มต้นใหม่ในการทำธุรกิจ และที่สำคัญ พวกเขาไม่ดูถูกความสามารถของตัวเองอีกด้วย เช่น “ฉันทำไม่ได้” จึงทำให้พวกเขาได้เปลี่ยนประโยคไว้ว่า “ธุรกิจดีขึ้นได้ขึ้นอยู่กับตัวฉันเอง”

2. อภัยตัวเอง

การให้อภัยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะคนที่ขาดทุนหรือขาดรายได้ในการทำธุรกิจช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าธุรกิจที่ทำอยู่เกิดการขาดทุนไปแล้ว แต่ความล้มเหลวก็ไม่ใช่การสิ้นสุดทั้งหมดของชีวิต ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนอาจพบเจอได้ จะมากหรือน้อยต่างกันไป เพราะฉะนั้น การให้อภัยที่ดีที่สุด คือ การสร้างความทรงจำดี ๆ ในทุกวัน ก็จะทำให้ความเสียใจค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งไม่มีเลยและพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป

3. พัฒนาตัวเองก่อนถึงเป้าหมาย

การตั้งเป้าหมาย คือ การระบุ วัน เดือน ปีที่สำเร็จ แต่ก่อนที่จะถึงเป้าหมายนั้น ก็ต้องมีการพัฒนาตัวเอง หมายความว่าการเตรียมความรู้ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ซึ่งส่งผลให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นโดยไม่เสียเวลาในการแก้ไขเรื่องปลีกย่อยเพราะว่ามีการเตรียมความรู้ไว้ก่อนแล้ว และให้เพิ่มความคิดที่มีพลังด้วยการโฟกัสสิ่งที่ดี และตัดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ออกไป รวมถึงการลงมือทำแบบไม่ถอดใจ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่ไม่มีอารมณ์ลงมือทำก็ตาม

ช่วงสถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อนักธุรกิจโดยส่วนใหญ่ แต่ถ้ามีกำลังใจที่เต็มเปี่ยมในระหว่างทางนี้ ก็จะช่วยแบ่งเบาความหนักใจและก้าวผ่านช่วงสถานการณ์นี้ไปได้ เพียงนำแนวความคิดดังกล่าวข้างต้นไปใช้ พร้อมระลึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้คุณทำเพื่อใคร รับรองเลยว่าจะมีแรงฮึดสู้ขึ้นมาทำธุรกิจอีกครั้งได้แน่นอน เนื่องจากอุปสรรคต่าง ๆ นั้น จากนี้จะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณนั่นเอง

จะทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จอย่างไรในปี 2019

การทำ ธุรกิจออนไลน์ เป็นที่นิยมมากในปี 2019 เนื่องจาก เป็นช่องทางการซื้อขายที่สะดวกสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ เชื่อมโยงผู้คนได้ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง อาศัยเพียงระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับ 5G ที่มีในโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว ก็สามารถหาข้อมูลร้านค้าและตกลงซื้อขายสินค้ากันได้แล้ว

หากต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ในปี 2019 ผู้เชี่ยวชาญการตลาดยุคใหม่แนะนำว่า ต้องเกิดจากความเอาใจใส่ในองค์ประกอบต่างๆ ต่อไปนี้

1. เทคนิคทำการตลาด SEO

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นสิ่งที่ Yahoo, Bing และ Google หรือที่เรียกรวมๆว่า Search Engine กำหนดหลักเกณฑ์ไว้สำหรับคัดกรองคุณภาพของเว็บไซต์ ให้เฉพาะเว็บไซต์ชั้นนำที่ทำ SEO อย่างสม่ำเสมอปรากฏผลในหน้าต่างการสืบค้นเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งมีการวิจัยว่าสอดคล้องกับผลรายได้ที่มากขึ้น และทำให้ขยายฐานลูกค้าได้เป็นอย่างดี

2. สินค้าต้องสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์

คนรุ่นใหม่นิยมสินค้าที่ใช้งานง่าย สะดวก น้ำหนักเบา เหมาะกับการพกพา ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ไอที Gadget ต่างๆ ขณะเดียวกันก็ต้องมีความสวยงาม ส่งเสริมภาพลักษณ์ของความเป็นคนทันสมัยด้วย ผู้ทำธุรกิจออนไลน์จึงต้องใส่ใจพัฒนาสินค้าอยู่เสมอ

3. ทำโฆษณาในช่วงเวลาที่เหมาะสม

การโปรโมทสินค้าใหม่หรือการกระตุ้นยอดขายด้วยโปรโมชั่นต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มยอดขาย กระตุ้นการรับรู้ของผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะแบรนด์สินค้าออนไลน์น้องใหม่ ที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ควรทำการโฆษณาด้วยเทคนิค SEM ที่ย่อมาจาก Search Engine Marketing จะสามารถสื่อสารไปถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างมาก

4. ใช้โซเชียลเชื่อมต่อลูกค้า

การใช้ระบบอินเทอร์เน็ต 5G เช่น การส่งอีเมล์ การทำ Facebook กลุ่ม Line จะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ทำให้เกิดการเชื่อมโยงข่าวสาร อัปเดตโปรโมชั่น หรืออีเว้นท์ต่าง ๆ ได้อยู่เสมอ การติดตามลูกค้าเก่าให้มาใช้บริการซ้ำ โดยมีส่วนลดจากรหัสที่มอบให้หรือ Gift Voucher คูปองส่วนลด ยังเป็นเทคนิคที่สามารถกระตุ้นยอดขายให้แบรนด์สินค้าของคุณได้เป็นอย่างดี

5. การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี

การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่แบรนด์ เช่น การร่วมเป็นสปอนเซอร์ในกิจกรรมเพื่อการกุศล การสมทบทุนเพื่องานด้านจิตอาสา ฯลฯ จะทำให้ลูกค้าเป้าหมายสนใจในแบรนด์ของคุณมากขึ้น การมีภาพลักษณ์ที่ดี จะทำให้เกิดการบอกต่อให้มาสนับสนุนกิจการของคุณ ซึ่งเป็นเทคนิคการตลาดที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างมาก

จะเห็นได้ว่า การทำธุรกิจออนไลน์ในยุค 2019 ต้องอาศัยเทคนิคทางการตลาดหลายวิธี ที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ไม่ใช่เพียงการโฆษณา แต่ต้องพัฒนาสินค้าและใส่ใจการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ส่งเสริมงานด้านจิตอาสาหรือสิ่งแวดล้อมด้วย จึงจะได้เสียงตอบรับจากกลุ่มลูกค้าอย่างยั่งยืน

การประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ในปี 2019

© 2024 KorSan

Theme by Anders NorenUp ↑