บล็อก เรื่องเล่า ตำนานเล่าขาน กีฬา และประวัติศาสตร์

Category: จิปาถะ (Page 1 of 2)

4 เทคนิค ออมเงินอย่างไรให้มีเงินเก็บ!

การออมเงินเป็นเรื่องที่ดี เพื่อที่จะได้มีเงินเก็บในจำนวนที่มากขึ้นหรือนำไปใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้ ซึ่งเรามีเทคนิคง่าย ๆ มาแบ่งปันดังนี้

1. ออมอย่างมีเป้าหมาย

ในการเริ่มต้นการออมนั้น ก่อนอื่นควรมีการตั้งเป้าหมายในการออมเงินก่อน โดยอาจตั้งเป้าหมายในระยะสั้นหรือระยะยาวก็ได้ ตามวัตถุประสงค์ในการออม หรืออาจจะมีการตั้งเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวร่วมกันก็ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บเงินออมให้ได้ปีละประมาณ 2 แสนบาท ดังนั้น ต้องมีเงินเก็บเดือนละประมาณ 1หมื่นกว่าบาท

2. ออมหลากหลายรูปแบบ

รูปแบบการออมนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีข้อดี ข้อเสีย และผลตอบแทนที่แตกต่างกัน เช่น

การออมในบัญชีธนาคาร : ข้อดี คือ สามารถนำออกมาใช้ยามฉุกเฉินได้ง่าย ข้อเสีย คือ อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ

การออมทอง : การออมทองจะเรียกอีกอย่างว่าการลงทุนกับทองคำก็ได้เช่นกัน ข้อดี คือ ผลตอบแทนสูง ข้อเสีย คือ ในระยะสั้นราคาอาจมีความผันผวน หากต้องการผลตอบแทนที่สูงและคุ้มจริง ๆ ควรเป็นการลงทุนในระยะยาว

การออมในกองทุน : ข้อดี คือ ได้ผลตอบแทนที่สูง ข้อเสีย คือ มีความเสี่ยงที่สูงกว่าการออมในบัญชีธนาคาร ดังนั้นควรพิจารณาเปรียบเทียบผลตอบแทนกับความเสี่ยงก่อน

3. ออมอย่างมีวินัย

สิ่งสำคัญในการออมเงินให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้นั้น คือ การสร้างนิสัยการออมอย่างมีวินัย โดยควรหักเงินจากรายได้ก่อนเลยว่าต่อเดือนจะเป็นเงินเก็บเท่าไร อาจกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือกำหนดเป็นยอดเงินก็ได้ เพื่อให้หักเงินไปเป็นเงินเก็บก่อน และทำให้เรามีเงินออมตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ทึกเดือนอย่างสม่ำเสมอ

ต่างจากวิธีที่รอเงินเหลือจากรายจ่ายแล้วค่อยนำมาออม ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพราะบางเดือนอาจมีค่าใช้จ่ายสูงทำให้จำนวนเงินที่ได้ออมมีลดน้อยลง การออมไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

4. ออมอย่างยืดหยุ่น

ในแต่ละเดือนนั้นอาจมีค่าใช้จ่ายที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้น ดังนั้นแผนการออมที่ดีควรเป็นแผนที่มีความยืดหยุ่น เหมาะสมกับ Lifestyle และพฤติกรรมด้านการเงินของเราดีที่สุด

การออมถือเป็นเรื่องที่ดีและทุกคนควรทำเพื่อความมั่นคงทางการเงินแต่ถ้าเราเคร่งครัดมากเกินไปอาจทำให้เครียดและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตก็ได้ ดังนั้นแนะนำว่าให้ออมอย่างมีวินัยแต่มีความยืดหยุ่น เช่น บางเดือนอาจมีช้อปปิงบ้าง หรือกินอาหารมื้อดี ๆ บ้าง เพื่อให้รางวัลชีวิตกับตนเองให้เราได้มีพลังมีแรงในการหาเงิน หารายได้เพิ่มต่อไป

โรคร้ายแรงในแมวที่อาจทำให้อายุสั้น

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงใกล้ชิดคนที่มีความน่ารักน่าเอ็นดูและแสนรู้อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าใครที่เลี้ยงแมวก็อยากให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ อย่างมีสุขภาพดี ทั้งนี้ก็ต้องใส่ใจศึกษาข้อมูลด้านอาหาร สุขลักษณะการเลี้ยงดู และโรคที่พบบ่อยในแมวเพื่อการระมัดระวังด้วย เรามาดูกันว่า โรคร้ายแรงในแมวที่ทำให้อายุสั้นมีอะไรบ้างและป้องกันได้อย่างไร

โรคไข้หัดแมว – โรคไข้หัดแมวเป็นการติดเชื้อ Feline Panleukopenia Virus จากสิ่งแวดล้อมที่เลี้ยงดู มักพบบ่อยในลูกแมวที่อายุน้อยกว่า 1 ปี หากติดเชื้อนี้จากอาหารและน้ำที่มีการปนเปื้อนอุจจาระของแมวที่มีเชื้อ จะทำให้อาการทรุดและลุกลามอย่างรวดเร็ว ต้องระวังมากในผู้ที่เลี้ยงแมวในระบบเปิดให้แมวเดินไปได้อย่างอิสระ อาจติดเชื้อนี้กลับมาได้ การป้องกันทำได้ด้วยการฉีดวัคซีนตามกำหนด

โรคหวัดแมว – โรคหวัดแมวหรือ Feline Respiratory Disease มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ ไวรัส FHV (Feline Herpes Virus) และ ไวรัส FCV (Feline Calici Virus) โดยจะมีผลร้ายต่อระบบทางเดินหายใจ สังเกตจากแมวจะมีอาการซึม มีน้ำมูกมาก จามบ่อย เยื่อบุตาอักเสบ น้ำลายเยอะ ฯลฯ หากแม่แมวที่กำลังท้องติดเชื้อหวัดแมวก็จะแท้งลูกได้ด้วย ฉะนั้นหากสังเกตพบว่ามีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น ต้องรีบนำไปพบสัตวแพทย์

โรคมะเร็งเม็ดเลือดแมว – โรคมะเร็งเม็ดเลือดเกิดจากเชื้อไวรัส Feline Leukemia Virus ไปทำลายไขกระดูกที่สร้างเม็ดเลือด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของแมวทำงานได้น้อยลง จึงติดเชื้อแทรกซ้อนและตายในเวลาไม่นาน เชื้อนี้ส่งผ่านจากน้ำนมหรือรกของแม่แมวไปที่ลูกแมวตั้งแต่ตอนเกิด หรือการหากแมวเคยประสบอุบัติเหตุและได้รับเลือดแมวบริจาคที่มีเชื้อนี้ก็จะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดได้เช่นกัน สิ่งที่ช่วยป้องกันได้ คือ การฉีดวัคซีนตั้งแต่แมวแรกเกิดและตรวจร่างกายแมวเป็นระยะ

โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ – ปัญหาเยื่อบุช่องท้องอักเสบ เกิดจากเชื้อไวรัส Feline Infectious Peritonitis ที่มาจากการ กินอาหารและน้ำสกปรก รวมถึงกระบะทรายที่ใช้ร่วมกันกับแมวที่มีเชื้อนี้ หากเลี้ยงแมวจำนวนมากจะมีความเสี่ยงสูงที่จะติดต่อกันได้ง่าย โดยเริ่มจากมีอาการซึม เป็นไข้ เบื่ออาหาร ถ่ายท้อง หากปล่อยให้เป็นมากจะท้องบวมและรักษาได้ยาก การป้องกันคือ การฉีดวัคซีนและดูแลความสะอาดในบริเวณที่เลี้ยงแมวสม่ำเสมอ

จะเห็นได้ว่าโรคร้ายแรงในแมวที่กล่าวมานั้น เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนและเลี้ยงแมวในระบบปิด เพื่อป้องกันไม่ให้ไปสัมผัสกับเชื้อที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำ ฯลฯ หากพบว่าแมวมีอาการผิดปกติในส่วนใดของร่างกาย ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีนและนำไปให้ตรวจรักษาอย่างรวดเร็ว

4 ราศีเตรียมรับมือ ดาวพฤหัสย้าย พร้อมคาถาบูชา

ตามหลักโหราศาสตร์และดวงดาว เมื่อราศีและดวงดาวมีการโยกย้าย เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ด้วยความเชื่อสมัยโบราณมักจะมีอิทธิพลต่อเจ้าเรือนราศีนั้น ๆ โดยในปี 2565 นี้ พบว่า พระราหู มีการย้ายเข้าสู่ราศีเมษและราศีตุล ซึ่งตรงกับคืนวันที่ 30 มีนาคม 2565 เป็นระยะเวลาหนึ่งปีครึ่งหรือ 18 เดือน อาจส่งผลให้บุคคลทั้ง 4 ราศีต่อไปนี้ได้รับผลกระทบและต้องเตรียมรับมือ ซึ่งมีทั้งเรื่องดีและไม่ดีแตกต่างกันไป ในขณะเดียวกันในวันที่ 8 เมษายน 2565 เองก็จะมีปรากฏการณ์ดาวพฤหัสย้าย ทำให้ผู้ที่เกิดราศีทั้ง 5 ต่อไปนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเฮงที่สุด ซึ่งจะมีราศีใดบ้างนั้น ไปดูกันเลย

4 ราศี ที่ได้รับผลกระทบเมื่อพระราหูเกิดการเปลี่ยนแปลงใน ปี 2565

ราศีพฤษภ
ราศีพิจิก
เนื่องจากทั้ง 2 ราศีพระราหูจะมีการย้ายออก
ราศีเมษ
ราศีตุลย์
เนื่องจาก ทั้ง 2 ราศีพระราหูจะย้ายเข้า

ในส่วนของราศีทั้ง 5 ที่คาดว่าจะมีโชคลาภและดวงดีที่สุดในรอบ 12 ปี ได้แก่

ราศีมีน โดดเด่นในเรื่องของการเงิน
ราศีกุมภ์ เน้นโชคลาภ มั่งคั่ง ร่ำรวย
ราศีพิจิก มีรายได้ใหม่ ๆ เกิดขึ้น การเงินมั่นคง
ราศีพฤษภ คาดว่าจะรับทรัพย์แบบไม่คาดฝัน
ราศีกันย์ ค้าขายรุ่งเรือง มีความมั่งคั่ง

บทสวดสำหรับบูชาดาวพฤหัส (ตั้งนะโม 3 จบ)

ปูเรนตัม โพธิสัมภาเร นิพพัตตัง โมระโยนียัง เยนะ สังวิหิตารักขัง มะหาสัตตัง วะเนจะรา
จิรัสสัง วายะมันตาปิ เนวะ สักขิงสุ คัณหิตุง พรัหมะมันตันติ อักขาตัง ปะริตตัน ตัมกะณามะ เหฯ

คาถาบูชาดาวพฤหัส (สวด 19 จบ )
ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ

สำหรับท่านใดที่สะดวก สามารถจัดโต๊ะหมู่บูชา โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันตก สวมใส่เสื้อผ้าสีเหลือง ใช้ดอกไม้สีเหลืองหรือโทนเหลือง ผลไม้สีเหลือง ทำบุญกับบิดา มารดา ครู อาจารย์หรือพระภิกษุสงฆ์ สามเณร จำนวน 5 หรือ 19 แล้วแต่กำลังทรัพย์ ซึ่งการไหว้และบูชาดาวนพเคราะห์ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่บทสวดที่สำคัญ ก็คือบทสวดบูชาดาวพฤหัส ปูเรนตัม และคาถาบูชาดาวพฤหัส ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ ให้ครบ 19 จบ

สำหรับสายมูที่มีความเชื่อในโชค ดวงชะตาและดวงดาวตามหลักโหราศาสตร์ ก็อย่าลืมทำบุญกับครูบาอาจารย์ พระภิกษุ สามเณร เพื่อขอพรให้ตนเองประสบความสำเร็จหรือสร้างบุญกุศลหนุนดวงชะตาให้มีบุญบารมีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลา 18 เดือน ที่พระราหูย้ายออกและย้ายเข้า รวมไปถึงราศีที่มีผลต่อการเคลื่อนย้ายของดาวพฤหัสบดีด้วย สำหรับใครที่ไม่ใช่สายมูและมีราศีที่ตรงกับดวงดาวกำหนด ก็สามารถทำบุญเพื่อเสริมสร้างบุญบารมีให้สูงขึ้นพร้อมจิตใจที่แจ่มใสได้ โดยเฉพาะการทำบุญต่อผู้มีพระคุณอย่างบิดา มารดา ครู อาจารย์ ได้ตลอดเวลา

วิธีเลือกคลินิกศัลยกรรมความงามให้สวยปัง ไม่ถูกหลอก

ในปัจจุบันเรามักเห็นโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ใช้บริการคลินิกศัลยกรรมต่าง ๆ มากมาย ทั้งจากเว็บไซต์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งหลายแห่งก็มีรีวิวจากหนุ่มสาวสวยหล่อที่เชิญชวนใช้มาบริการด้วยความน่าเชื่อถือทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจเลือกทำศัลยกรรมส่วนใด ไม่ว่าระดับผ่าตัดเล็ก เช่น ทำจมูก เสริมคาง ทำลักยิ้ม ทำตาสองชั้น เย็บชั้นคาง ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ จนถึง การดูดไขมัน การแปลงเพศ การเสริมหน้าอก ซึ่งเป็นผ่าตัดใหญ่ ฯลฯ เราทุกคนก็ควรมีหลักการในการเลือกคลินิกอย่างถูกวิธี ดังนี้

1. คลินิกต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง
คลินิกก็เหมือนสถานพยาบาลอื่น ๆ ที่ต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลักฐานชัดเจน ว่ามีการตรวจสอบคุณสมบัติและเลขใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ผู้ชำนาญการศัลยกรรมเฉพาะทาง มีการวางผังพื้นที่ใช้งานที่เหมาะสมตามหลักการตรวจสอบมาตรฐานของกระทรวงฯ และก่อนเลือกใช้บริการคลินิก เราควรนำชื่อคลินิกและเลขใบอนุญาตมาตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ในเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขเสียก่อนด้วย

2. ศัลยแพทย์ต้องเป็นตัวจริง
ในระยะหลัง เรามักเห็นข่าวว่ามีคลินิกศัลยกรรมหลายแห่งเปิดแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งยังมีผู้ปลอมแปลงเป็นแพทย์มาทำหน้าที่ศัลยแพทย์นอกสถานที่ เช่น รับฉีดโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ตามนัดหมาย ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายทั้งสิ้น เราต้องเลือกแพทย์ที่ชำนาญเฉพาะทางตัวจริง มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งขอดูข้อมูลก่อนการตัดสินใจทำได้จากคลินิกนั้น ๆ

3. วัสดุอุปกรณ์ต้องเป็นของแท้
การเสริมแต่งความสวยงามด้วยสิ่งต่าง ๆ เช่น ซิลิโคน, Botox, Filler จำเป็นต้องเลือกของแท้ ไม่ใช่เลือกจากราคาที่ถูกเพียงอย่างเดียว หากคลินิกใดตั้งราคาต่ำกว่าราคาทั่วไป ต้องสอบถามยี่ห้อและคุณสมบัติของสิ่งที่ใช้ว่ามีอายุการใช้งานนานเพียงใด มีโอกาสแพ้แค่ไหน พร้อมกับศึกษาหาข้อมูลรีวิวจากผู้เคยใช้บริการคลินิกนั้น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ

4. มีการันตีหรือรับผิดชอบผลหลังจากการทำศัลยกรรมคลินิก
คลินิกที่มีมาตรฐานสูงจะมีการดูแลหลังการทำศัลยกรรมให้ หากเกิดอาการแพ้อักเสบหรือปัญหาอื่น ๆ จากความบกพร่องในการทำศัลยกรรม ซึ่งมักจะทำการแก้ไขดูแลให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ต้องศึกษารายละเอียดส่วนนี้ให้ดีว่าปรากฎอยู่ในสัญญาตั้งแต่ก่อนที่จะตกลงทำศัลยกรรมกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการทำศัลยกรรมก็คือการผ่าตัดประเภทหนึ่ง จึงมีโอกาสเกิดความเสี่ยงหลังการทำได้

จะเห็นได้ว่า การเลือกคลินิกทำศัลยกรรมอย่างรอบคอบนั้น จะต้องสืบเสาะหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี มีการตรวจสอบกับกระทรวงสาธารณสุข อ่านข้อมูลรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการคลินิกเหล่านี้จริง ๆ แล้วนำมาประมวลเพื่อพิจารณาอีกครั้งว่าสามารถยอมรับในความเสี่ยงต่าง ๆ และค่าใช้จ่ายที่จะตามมาได้หรือไม่ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านพิจารณาไตร่ตรองเลือกคลินิกอย่างดีที่สุดก่อนทำศัลยกรรม เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกโดยคลินิกเถื่อน หรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย

วิธีปรับตัวทำงานแบบ Work from Home ในยุคโควิด

การทำงานจากที่บ้านเป็นเรื่องที่หลายสาขาอาชีพยอมรับกันในช่วงการระบาดของโควิด-19 แน่นอนไม่ใช่ทุกเส้นทางอาชีพจะเปลี่ยนมาทำงานทางไกลได้ทันที แต่เนื่องจากสถานการณ์บังคับทำให้หลายอาชีพอย่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเริ่มปรับการทำงานเป็นการตรวจวินิจฉัยโรคจากทางไกลและบริการส่งยาไปให้ผู้ป่วยที่บ้าน ลดจำนวนผู้ป่วยไปโรงพยาบาลให้น้อยลง

การทำงานทางไกลมีทั้งข้อดีและข้อเสีย สิ่งแรกคือความยืดหยุ่นในชั่วโมงการทำงานช่วยให้รับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ประหยัดเวลาเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่าย ให้โอกาสสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่คนทำงานทางไกลตัดสินใจจะทำงานแบบนี้ต่อไปอีกแม้ยุคโควิด-19 จะผ่านพ้นไปแล้ว

พูดถึงข้อเสียจากการทำงานทางไกลคือการเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานลดลง หลายคนรู้สึกขาดแรงจูงใจและโดดเดี่ยว พ่อแม่ที่ทำงานพร้อมดูแลลูกเล็กอยู่กับบ้านจะทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะถูกขัดจังหวะอยู่บ่อย ๆ การทำงานทางไกลส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนเราต่างกันไป หลายคนเริ่มทำงานทางไกลรู้สึกการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ แต่ส่วนใหญ่พบว่าการไม่ต้องออกไปเสี่ยงติดเชื้อนอกบ้านทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น

วิธีรับมือกับความท้าทายเมื่อต้องเปลี่ยนมาทำงานทางไกล มีดังนี้

1.ตรวจสอบกิจวัตรของตนเองอยู่เสมอ
การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอย่างกะทันหันอาจส่งผลกระทบต่อคนที่ปรับตัวยากสักหน่อย เปลี่ยนจากที่เคยตื่นแต่เช้าออกเดินทางไปทำงานจะมีเวลาทำงานเพิ่มขึ้นหลายชั่วโมง ควรเช็กร่างกายและอารมณ์ของตนเองตลอดทั้งวัน ถ้านั่งทำงานเป็นเวลานานหลายชั่วโมงอาจทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น ควรพักสมองเป็นระยะ เช่น ลุกไปดื่มน้ำหรือเข้าห้องน้ำ หากนั่งจ้องหน้าจอติดต่อกันนานแล้วน้ำตาไหล ควรลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อไม่ให้ร่างกายปวดเมื่อยและสายตาอ่อนล้า รับประทานผลไม้บำรุงสายตาและเติมพลังให้ตัวเองตลอดทั้งวัน หลังจากทำงานเสร็จในแต่ละวันควรหากิจกรรมทำช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่คิดถึงเรื่องงานต่อเนื่อง เช่น เดินเล่น ออกกำลังกายช่วงสั้น ๆ หรือเตรียมอาหารทำกับข้าว

2.ไม่ละทิ้งสังคม ควรติดต่อกับผู้อื่นสม่ำเสมอ
หากรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดแรงจูงใจในการทำงานควรมองหาช่องทางติดต่อเพื่อนร่วมงานทุกวัน อาจกำหนดเวลาพักสัก 15 นาทีเพื่ออ่านข้อความอีเมล อ่านบล็อก แชท และใช้โซเชียลมีเดีย เจ้านายและลูกน้องคุยโทรศัพท์ติดต่อเรื่องงานอย่างเปิดเผยเพื่อให้ความรู้สึกมั่นใจมากขึ้น จัดประชุมทางไกลในเวลางาน พร้อมทั้งหาเวลาจัดกิจกรรมกับเพื่อน ๆ และครอบครัวเพื่อเชื่อมต่อสังคมกับทีมงาน จะช่วยบรรเทาความรู้สึกโดดเดี่ยวและหมดไฟในการทำงานไปได้

3.สื่อสารกับหัวหน้างานหรือผู้จัดการบ่อย ๆ
การเปลี่ยนมาทำงานทางไกลค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายองค์กร โดยเฉพาะอาชีพที่ทำงานกันเป็นทีมอาจพบปัญหาและไม่ได้พูดคุยปรึกษากับหัวหน้างานหรือผู้จัดการในทันที ควรจัดการสัมมนาออนไลน์ให้มากขึ้นเพื่อให้เห็นว่าแต่ละคนทำงานคืบหน้าอย่างไร ควรปรับปรุงตรงไหน ในด้านการสื่อสารควรเน้นการเปิดเผยและพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดของแต่ละคนแบบตรงไปตรงมา

สำหรับหลายสาขาอาชีพ การปรับตัวทำงานทางไกลอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเกิดขึ้นกะทันหันและเกิดผลกระทบที่ร้ายแรง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสาเหตุให้หลายคนเกิดความเครียดสะสม หากต้องการความช่วยเหลือ อย่าลังเลที่จะปรึกษาเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย และครอบครัวเพื่อก้าวข้ามช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้ด้วยดี

รู้จักโรคในสุนัข ที่เป็นแล้วอายุสั้น

สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจและเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัวของใครหลายคน ที่ต้องใส่ใจดูแลและป้องกันโรคที่อาจจะคร่าชีวิตของพวกเขาไปจากเราได้ก่อนเวลาอันควร เรามาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้าง

1. โรคอ้วน
โรคอ้วนไม่ใช่ปัญหาที่เกิดกับคนเท่านั้น แม้แต่สุนัขก็มีภาวะอ้วนจากไขมันส่วนเกินสะสมได้ โดยเกิดจากอาหารที่เราให้กินปริมาณมากเกินไป เมื่อเป็นโรคอ้วน จะตามมาด้วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไขข้อเสื่อม โรคเบาหวาน ทำให้สุนัขอายุสั้นลง

2. โรคพยาธิหนอนหัวใจ
โรคนี้มียุงเป็นพาหะนำโรค ซึ่งอาการในเบื้องต้นจะเกิดกับสุนัขที่เลี้ยงในระบบเปิด ที่ไม่ได้นอนในมุ้ง จึงเสี่ยงต่อการถูกยุงกัด หากได้รับเชื้อเข้าไป สุนัขจะมีอาการซึม หอบ เหนื่อยง่าย ทั้งยังมีอาการไอและอาจมีเลือดปนออกมาด้วย และผ่านไปสักระยะ จะสังเกตได้ว่าท้องบวมจากน้ำคั่งภายในช่องท้องและตายในไม่ช้า

3. โรคฟันผุและเหงือกอักเสบ
ฟันผุเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือด อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว และมีผลต่อระบบการย่อยอาหารที่สุนัขจะเคี้ยวได้ไม่ละเอียด ปัญหานี้มักเกิดกับสุนัขที่เคี้ยวกระดูกแข็ง ทำให้ฟันแตก จึงเป็นโรคเหงือกและฟันผุตามมาได้

4. โรคลำไส้อักเสบ
เกิดจากเชื้อไวรัสที่ปะปนมากับอุจจาระสุนัขตัวอื่น โดยสุนัขของเราอาจไปกินอาหารที่คลุกดินหรือเลียน้ำจากแหล่งธรรมชาติที่มีการปนเปื้อนเชื้อนี้ หลังติดเชื้อจะมีอาการซึมลง เบื่ออาหาร บางตัวอาจอาเจียนและถ่ายอุจจาระออกมามีมูกเลือดปน โดยมีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรงด้วย วิธีป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับไวรัสชนิดนี้ คือ การฉีดวัคซีนเป็นระยะตามอายุของลูกสุนัข

5. โรคพิษสุนัขบ้า
โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส Rabies ซึ่งสามารถติดต่อได้ระหว่างสุนัข แมว รวมมาถึงคนด้วย ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงต้องพาสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี

6. โรคไตวาย
ไตเป็นอวัยวะกำจัดของเสีย ภาวะไตวายจึงทำให้สุนัขอายุสั้นลงเพราะมีของเสียคั่งค้างในกระแสเลือด โรคไตของสุนัขเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สายพันธุ์ อาหารที่กินประจำ และเกิดจากความชรา จะสังเกตได้จากอาการซึม ไม่ยอมกินอาหาร น้ำหนักตัวลด

โรคที่เกิดกับสุนัขจะถูกสังเกตเห็นได้ช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับการใส่ใจของผู้ดูแล การเลี้ยงสุนัขจึงจำเป็นต้องมีความพร้อมทั้งด้านการจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัย การเลือกอาหาร การฉีดวัคซีนป้องกันโรค รวมถึงการเตรียมค่ารักษาพยาบาลหากเจ็บป่วยด้วย จึงจะทำให้สุนัขมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตอยู่กับครอบครัวคุณไปได้นาน ๆ

แนะนำ 5 อาชีพเสริมช่วยเพิ่มรายได้ในยุคดิจิตอล

หากพูดถึงการหารายได้ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ยิ่งสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ต้นปีที่แล้วจนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งคงจะทำให้หลายคนตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าการมีรายได้ทางเดียวไม่สามารถสร้างหลักประกันให้กับชีวิตได้อีกต่อไป วิธีหนึ่งที่สามารถช่วยสนับสนุนให้คนเราสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงานประจำได้ก็คือการหาอาชีพเสริมอื่นทำเพิ่ม วันนี้เราจึงจะมาแนะนำช่องทางการหารายได้เพิ่มเติมด้วยการทำอาชีพเสริมกัน

อาชีพเสริมถือเป็นทางเลือกแรกที่ผู้คนนิยมใช้เป็นเครื่องมือในการหารายได้เพิ่มเติมนอกจากงานประจำที่ทำอยู่ และในยุคดิจิตอลเช่นนี้อาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมได้จริงคืออาชีพเสริมที่ทำด้วยออนไลน์มีอาชีพไหนแนะนำบ้าง ไปดูกัน

ขายของออนไลน์ ถือเป็นอาชีพเสริมยอดฮิตอันดับหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกทำเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถทำได้ด้วยการอาศัยแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทุกคนคุ้นเคยอยู่กันเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คส์ (Facebook) ทวิตเตอร์ (Twitter) หรือไลน์ (Line) แค่ใช้ให้ถูกจังหวะ กับเลือกขายสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายก็ได้แล้ว

การเป็นตัวแทนขายแบบไม่ต้องสต็อกของหรือที่รู้จักกันในชื่อ Dropship ก็ถือเป็นเทรนด์ยอดฮิตของแม่ค้าออนไลน์เช่นกัน เพราะไม่จำเป็นต้องมีการลงทุนซื้อของมาสต็อกไว้ เพียงแค่ต้องรู้จักรูปแบบและระบบการขายของแบบ Dropship ให้ดี กับการใช้มนุษยสัมพันธ์ให้มากด้วยการหาออเดอร์ให้ผู้แทนขายผ่านแพล็ตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียก็สามารถรับเงินเข้ากระเป๋าได้เหมือนกัน

รับจ้างส่งอาหาร หรือก็คือฟู้ดส์เดลิเวอร์รี่ ที่ตอนนี้ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะสถานการณ์ที่ต้องทำงานจากที่บ้าน เรียนออนไลน์ หรือไม่ก็ไม่สามารถออกไปไหนได้เพราะกลัวการแพร่ระบาดของโควิด-19 แค่มีรถมอเตอร์ไซค์สักคัน เรียนรู้ระบบการรับ-ส่งอาหารของผู้ให้บริการ เช่น Grab หรือ Lineman บวกกับความขยันอีกเล็กน้อยก็เพิ่มเติมรายได้เสริมหลังเลิกจากงานหรือวันว่างได้

เขียนบทความออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมที่ได้รับความนิยม เนื่องจากร้านค้าออนไลน์ก็จำเป็นจะต้องมีคอนเทนต์ที่ดีในการช่วยขายของให้ได้มากขึ้น จะเป็นประเภทรีวิวสินค้า หรือบทความที่เป็นสาระประโยชน์ต่อลูกค้าก็ได้ทั้งนั้น เพราะทั้งหมดมีส่วนช่วยส่งเสริมให้แม่ค้าออนไลน์ขายของได้เยอะขึ้น

5.ยูทูบเบอร์ถือเป็นอาชีพเสริมที่เป็นอิสระค่อนข้างมาก แค่มีไอเดียในการผลิตคอนเทนต์ดีๆ สักเรื่องกับมือถืออีกเครื่องที่ช่วยทำคลิปสั้นๆ ขึ้นมาจะเป็นแนวตลก แนวสาระ หรือแนวบันเทิง ขอแค่มีคนสนใจเข้าไปคลิกดูให้ได้ยอดฟอลโลวก็เพิ่มเงินในกระเป๋าได้เช่นกัน

เพราะทุกวันคือโลกของดิจิตอลและออนไลน์ ดังนั้นเราควรใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่ทุกคนนิยมใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อสร้างอาชีพเสริมขึ้นมาให้ได้ หนึ่งก็เพื่อให้ตัวเองมีรายได้เพิ่มขึ้น และสองเพราะไม่มีความแน่นอนของชีวิต เราจึงต้องรู้จักกอบโกยโอกาสที่มีเข้ามาเสียตั้งแต่วันนี้เพื่ออนาคตที่มั่นคงในวันข้างหน้า

How To แต่งบ้านอย่างไรให้เย็นสบาย หมดปัญหาเรื่องบ้านร้อนแน่นอน

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแดดประเทศไทยนั้นแรงเสียจริง ๆ การออกแบบบ้านหรือการตกแต่งบ้านของคนไทยจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกและทำให้บ้านไม่ร้อน และสำหรับครอบครัวใดที่อาจกำลังวางแผนแต่งบ้านหรือมองหาตัวช่วยลดความร้อนภายในบ้าน ลองมาดู How to แต่งบ้านอย่างไรให้เย็นสบาย หมดปัญหาเรื่องบ้านร้อนอบอ้าวไปได้เลย

– ทาสีบ้านด้วยโทนสีสว่าง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าโทนสีมีส่วนทำให้บ้านร้อนขึ้น ซึ่งโทนสีที่ไม่ควรเลือกนำมาทาสีบ้าน นั่นคือ สีโทนเข้ม เช่น สีดำ สีน้ำเงิน สีน้ำตาลเข้ม ฯลฯ เพราะโทนสีเข้มจะทำให้บ้านร้อนอบอ้าว เนื่องจากดูดกลืนความร้อนได้มากกว่าโทนสีสว่าง อีกทั้งยังทำให้บ้านดูแคบ เพราะฉะนั้นแนะนำให้เลือกทาบ้านด้วยโทนสีสว่างอย่างสีขาว สีครีม หรือสีควันบุหรี่ เป็นต้น

– หลังคากันความร้อน
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคมากมาย ไม่เว้นแม้แต่การออกแบบหลังคาบ้านที่เดี๋ยวนี้มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยลดความร้อนหรือหลังคาที่ออกแบบมาให้สะท้อนแสงแดดเป็นอย่างดี แต่หากเกรงว่าเปลืองงบประมาณเกินไป แนะนำให้เลือกหลังคาสีขาว เพราะสีขาวไม่กักเก็บความร้อน หรือบางครอบครัวอาจเพิ่มกันสาดบังแดด เพื่อใช้บังแสงแดดช่วงเวลาแดดจัดก็ได้เช่นกัน

– หน้าต่างระบายความร้อน
แน่นอนว่าบ้านทุกหลังจำเป็นต้องมีหน้าต่างเพื่อเปิดรับลมเย็นจากด้านนอก แต่เพื่อบรรยากาศในห้องที่เย็นสบาย แนะนำให้แต่ละห้องมีหน้าต่าง 2 บาน ด้านตรงข้ามกันหรือต่างด้าน​กัน โดยบานแรกทำหน้าที่รับลมจากด้านนอก ส่วนอีกบานทำหน้าที่ระบายอากาศ ทำให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บ้านเย็นสบาย

– ปลูกต้นไม้ ช่วยคลายร้อนได้
วิธีสุดคลาสสิกที่จะทำให้บ้านเย็นขึ้นนั่นคือ การปลูกไม้ยืนต้นภายในบริเวณบ้าน เพราะไม้ยืนต้นจะช่วยเพิ่มร่มเงาและแผ่กิ่งก้านสาขาไปยังส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ทำให้ส่วนที่มีต้นไม้บังจะไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ แต่หากเป็นบ้านที่ไม่มีบริเวณมากนัก สามารถเลือกปลูกต้นไม้ในกระถางได้ เพราะต้นไม้จะช่วยเพิ่มบรรยากาศบ้านให้น่าอยู่และทำให้รู้สึกสบายยิ่งขึ้น

– เลี่ยงใช้พรมในการแต่งบ้าน
หลายครอบครัวเลือกใช้พรมในการตกแต่งบ้าน โดยไม่ทราบว่าพรมบางชนิดทำหน้าที่กักเก็บความร้อน เพราะฉะนั้นควรเลือกพรมที่ผลิตจากขนสัตว์หรือคอตตอน เพราะจะช่วยให้ระบายอากาศได้ดีกว่า หรืออาจเลือกใช้กระเบื้องสีอ่อนแทนการใช้พรม เพราะคุณสมบัติของกระเบื้องจะไม่อมความร้อน ส่งผลให้บ้านเย็นยิ่งขึ้น

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมนำเทคนิคดี ๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ รับรองว่าจะช่วยให้ภายในบ้านของคุณเย็นสบาย ไม่อบอ้าว และทำให้บรรยากาศภายในบ้านน่าอยู่มากขึ้นด้วย

แนะ 3 เทคนิค ลดน้ำหนักแบบไม่ต้องอดอาหาร

แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากที่จะอ้วน เพราะนอกจากจะทำให้หาเสื้อผ้าใส่ยากและมีความอึดอัดทางร่างกายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพอีกด้วย แต่ทว่าปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนที่ส่งผลต่อน้ำหนักและไขมันที่เพิ่มขึ้น เช่น ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป เช่น ระบบเผาผลาญก็ทำงานได้ไม่เท่ากัน อีกทั้งส่วนสูงและรูปร่างก็ยังไม่เท่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนคิดเหมือนกันนั่นคือ ทำอย่างไง​ก็ได้ให้สามารถลดน้ำหนักลงได้โดยไม่ต้องอดอาหาร เราจึงมี 3 เทคนิคในการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหารมาแนะนำกัน

เทคนิคที่ 1 ได้แก่ การเพิ่มปริมาณผักและผลไม้ในแต่ละมื้ออาหารให้มากขึ้น ทั้งนี้เพราะเส้นใยหรือไฟเบอร์ในผักและผลไม้จะช่วยกระตุ้นให้ขับถ่ายสะดวก ลดการดูดซึมของน้ำตาล ลดไขมันสะสม ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ทานได้ในปริมาณมากแต่ก็ไม่ทำให้อ้วน

เทคนิคที่ 2 หลีกเลี่ยงการกินอาหารจำพวกของทอดทั้งหลาย พึงระลึกเสมอว่าอาหารทอดต่าง ๆ ที่เรากินเข้าไปนั้นมีปริมาณน้ำมันแฝงอยู่ ยิ่งกินเยอะเท่าไรก็เหมือนกับการเทน้ำมันทอดอาหารลงในกระเพาะอาหารของเรานั่นเอง โดยน้ำมันเหล่านี้คือ ตัวการเพิ่มชั้นไขมันและน้ำหนักให้เกินพิดกัดอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นหากเปลี่ยนจากเมนูทอดมาเป็น ย่าง หรือต้ม ก็จะช่วยลดน้ำหนักลงได้อย่างน่าพอใจ หากยังเลิกทานของทอดไม่ได้​ ให้ลดปริมาณลง​ หรือใช้แผ่นซับน้ำมันเท่าที่ซับได้

เทคนิคที่ 3 การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งแต่ละคนมีความต้องการปริมาณน้ำที่ไม่เท่ากัน โดยทั่วไปให้ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว​ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตของคุณ น้ำช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตและการดูดซึมสารอาหารทำได้ดีมากขึ้น ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน และยังส่งผลดีต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย นอกจากนี้การดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ จะช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้นด้วย
รู้ข้อดีจากเทคนิคการลดน้ำหนักทั้ง 3 วิธีแล้ว ก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติให้เกิดผลดีต่อตัวคุณเองนะคะ และสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักคือ การนอนหลับให้เพียงพอในแต่ละวัน เพราะการที่ร่างกายได้นอนหลับสนิทในช่วงเวลาประมาณ 23.00 น.จนถึงเวลาประมาณ 03.00 น. ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ พร้อมทั้งเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ทั้งยังช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมันส่วนเกินออกไป​ ทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ​ สามารถพัฒนาเซลล์ที่แข็งแรงเพื่อต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้

5 นิสัยสร้างเสน่ห์ ให้น่าหลงใหลแบบไม่รู้ตัว

ทุกคนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป บางคนไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำไป ว่าอะไรคือเสน่ห์ของตัวเอง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนชอบมาทักทายและพูดคุยกับตัวเองเต็มไปหมด ซึ่งการมีเสน่ห์นี้อยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่า มันเป็นนามธรรมที่เกิดขึ้นจากรูปธรรมหรือตัวตนที่เราเป็น ไม่เกี่ยวกับเรื่องความสวย เพราะหลายคนที่สวยแต่เป็นคนไม่มีเสน่ห์ก็เยอะแยะไป ดังนั้นถ้าวันนี้คุณเป็นคนหนึ่งที่มีหน้าตาธรรมดาก็อย่าไปวอร์รี่เรื่องความสวยให้ปวดหัว หันมาสร้างเสน่ห์จากนิสัยใจคอของเราเองดีกว่า ของแบบนี้มันสร้างกันได้ มาดูกันว่านิสัยแบบไหนสร้างเสน่ห์ให้คุณได้บ้าง

ตลก อารมณ์ดี
เคยได้ยินประโยคคลาสสิกนี้ไหม “สวยมักนก ตลกมักได้” คำนี้ยังใช้ได้กับทุกความสัมพันธ์ ใคร ๆ เขาก็อยากอยู่กับคนที่อารมณ์ดี เพราะจะพาให้เขามีอารมณ์ดีตามไปด้วย ยิ่งถ้าใครที่มีนิสัยเป็นคนตลกโปกฮา อยู่ที่ไหนก็สร้างเสียงหัวเราะ สนุกสนาน ให้เพื่อนฝูงตลอด ๆ แบบนี้ถือเป็นเสน่ห์ที่ไม่ได้มีกันได้ง่าย ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสร้างมันขึ้นมา ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนตลก ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองให้เป็นคนตลกก็ได้ แค่ทำอารมณ์ตัวเองให้ดี ร่าเริง และสนุกร่วมไปกับเพื่อน ๆ เท่านี้ก็ช่วยสร้างเสน่ห์ให้คุณได้มากแล้ว

เป็นตัวของตัวเอง
เสน่ห์ข้อนี้ ถือเป็นเสน่ห์ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบจากเราไปได้ เพราะความเป็นตัวของตัวเองนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัว ทุกคนที่เกิดมาบนโลกมีความแตกต่างกันเหมือนลายนิ้วมือที่ไม่ซ้ำกัน การแสดงออกในความเป็นตัวเองจึงถือเป็นเสน่ห์ที่เรามีได้ง่าย ๆ เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องสร้างอะไรขึ้นมาใหม่ด้วยซ้ำไป หากความเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็แสดงความเป็นตัวเองออกมาเถอะ อย่าปิดกั้นความเป็นตัวเอง และอย่าเสแสร้งแสดงเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง โก๊ะ ๆ บ้าง สนุกบ้าง หลุดโลกบ้าง สุดท้ายมันก็เป็นตัวเราเอง ต่อให้ไม่มีใครชอบเรา อย่างน้อยก็ยังมีตัวเราเองที่ชอบตัวเราอยู่

ใช้เงินเป็น
การใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าเราจะหามาได้ด้วยตัวเราเองหรือมีใครให้เรามาก็ตาม มันก็สร้างเสน่ห์ให้เราได้แบบไม่รู้ตัวเช่นกัน การใช้เงินเป็น ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย นอกจากจะสร้างเสน่ห์ให้คุณแล้ว ยังทำให้คุณมีเงินเหลือไว้เก็บออม ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับครอบครัวและคนที่คุณรัก ในเรื่องของวินัยการใช้เงินอีกด้วย

ใช้เวลาว่างไปกับงานอดิเรกที่ตัวเองหลงใหล
การมีงานอดิเรกที่เราชื่นชอบ และใช้เวลาไปกับสิ่งที่เราหลงใหล เป็นสิ่งที่มีเสน่ห์มาก ๆ เพราะพลังของการชื่นชอบสามารถส่งผ่านความรู้สึกของเราไปยังคนรอบข้างได้ ทำให้เรากลายเป็นคนที่น่าสนใจจากกิจกรรมที่เราทำ เช่น การวาดภาพ การถ่ายรูป การท่องเที่ยว การออกกำลังกาย หรือกิจกรรมใด ๆ ที่เราทำในช่วงเวลาว่างแล้วทำให้เกิดประโยชน์ และกิจกรรมเหล่านี้จะดึงดูดให้คนที่ชื่นชอบเหมือน ๆ กับเราเข้ามาหาเราเอง โดยที่เราไม่ต้องเรียกร้องความสนใจอะไรใด ๆ เลย เผลอ ๆ เราอาจสร้างรายได้จากสิ่งที่เราชื่นชอบได้อีกด้วย นี่จึงเป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอีกข้อที่ทุกคนสามารถสร้างขึ้นได้

ชอบหาความรู้ตลอดเวลา
การหาความรู้ใส่ตัวตลอดเวลา ทำให้เราเป็นคนทันสมัย ในสิ่งที่เป็นความรู้ใหม่ ๆ การเติมความรู้ให้ตัวเอง ทำให้คนอื่นรับรู้ได้ด้วยตัวเขาเองว่าคนคนนี้เป็นคนมีความรู้ มีของ จากการพูดคุยและสนทนาด้วย การหาความรู้ตลอดเวลานอกจากจะทำให้เรามีความรู้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้เรารู้จักระวังภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ ทำให้เราเอาตัวรอดได้ เสน่ห์นี้เกิดขึ้นได้จากความรู้ที่เรามีโดยไม่ต้องโอ้อวด เพราะความรู้ที่เรามีจะแสดงออกมาเองโดยอัตโนมัติ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้

เสน่ห์เหล่านี้บางคนมีอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว แต่อาจจะมองไม่เห็น หรือไม่ได้ให้ความสนใจ ลองหันกลับมาสำรวจตัวเองดูว่าเราเองมีข้อดีจุดไหนบ้าง เพราะการรู้จักตัวเองจะทำให้เราเห็นเสน่ห์ของตัวเองและจะได้รู้ว่าควรปรับปรุงพัฒนาตนเองอย่างไรต่อไป

« Older posts

© 2024 KorSan

Theme by Anders NorenUp ↑