บล็อก เรื่องเล่า ตำนานเล่าขาน กีฬา และประวัติศาสตร์

Category: การท่องเที่ยว

เช็กรถก่อนเดินทาง เตรียมความพร้อมให้ชัวร์ ก่อนออกทัวร์อย่างมั่นใจ

หากคุณเป็นนักเดินทางที่มักจะชื่นชอบในการใช้รถยนต์ในการขับขี่เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วยตนเอง สิ่งสำคัญที่คุณจะหลีกเลี่ยงต่อการคำนึงถึงไม่ได้เลยแน่นอนนั่นก็คือเรื่องของการเตรียมความพร้อมด้วยการ เช็ครถก่อนเดินทาง เพราะการขับขี่เดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกลได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด แน่นอนว่าการเตรียมความพร้อมสิ่งเหล่านี้ให้ชัวร์ก่อนออกทัวร์คือสิ่งที่ผู้ขับขี่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด
เช็กรถก่อนเดินทาง ต้องโฟกัสเรื่องอะไรบ้าง?

1. แบตเตอรี่ เริ่มกันที่หัวข้อแรกกันเลยกับการเตรียมความพร้อมในการ เช็ครถก่อนเดินทาง อันเป็นหัวข้อแรกๆ ที่ผู้ขับขี่จะต้องคำนึงถึงนั่นก็คือเรื่องของการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งเหตุที่ว่านั้นมีผลมาจากว่ารถยนต์ในแต่คันนั้นต่างก็ย่อมมีการใช้แบตเตอรี่ในรูปแบบที่ต่างกันเช่น หากเป็นรถยนต์ประเภทต้องเติมน้ำกลั่น ผู้ขับขี่ก็จำเป็นที่จะต้องคอยตรวจเช็กน้ำให้อยู่ในมาตรฐานอยู่เสมอหรือหากเป็นแบบแห้ง ผู้ขับขี่ก็จะต้องคอยหมั่นตรวจเช็คสภาพโดยรวม เพื่อเฝ้าระวังการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่นั่นเอง
2. น้ำมันเครื่อง ประการสำคัญลำดับที่ 2 ของการเช็คความพร้อมรถยนต์ก่อนออกเดินทางต้องยอมรับว่าการตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง ควรจะเป็นการตรวจสอบอยู่เป็นประจำเพื่อตรวจเช็กความผิดปกติและไม่ควรละเลยกำหนดในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างเด็ดขาด เพราะรู้หรือไม่ว่าน้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดนั่นเอง
3. ยางรถยนต์ ถัดมากับอีกหนึ่งการ เช็ครถก่อนเดินทาง ผู้ขับขี่ทุกท่านควรจะหมั่นตรวจสอบคุณภาพยางทุกท่านก่อนเดินทางเสมอไม่ว่าจะทั้งลมยางหรือดอกยาง ซึ่งในขั้นตอนแรกของการจตรวจเช็กนั่นก็คือการตรวจสอบลมยางให้ดีก่อนว่าปริมาณลมยางของเรานั้นตรงกับมาตรฐานที่ควรหรือไม่ เพราะหากยางรถยนต์ของเราหมดสภาพเมื่อไหร่โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ ย่อมสามารถเกิดขึ้นได้แน่นอน
4. เบรกรถยนต์ สิ่งสำคัญของการตรวจ เช็กรถก่อนเดินทาง ที่คุณจะไม่สามารถละเลยอย่างเด็ดขาดต้องบอกเลยว่าเรื่องของเบรกรถยนต์นั้นสำคัญมาก ๆ เป็นอันดับต้นๆ เพราะฉะนั้นผู้ขับขี่ก็ควรตรวจเช็กน้ำมัน, จานเบรก, ปั๊มลม และที่สำคัญนั้นควรจะมีน้ำมันเบรกสำรองไว้ด้วยอุ่นใจที่สุด
5. หม้อน้ำ ลำดับสุดท้ายของการ เช็กรถก่อนเดินทาง เรื่องของหม้อน้ำนั้นถือว่าเป็นอีกประการสำคัญที่ต้องนึกถึงอันดับต้น ๆ ด้วยการหมั่นสังเกตเกจ์วัดระดับความร้อนตรงหน้าปัดให้ตรงอยู่ในเกณฑ์อยู่เสมอ เหตุก็เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดความร้อนจนเกินขีดจำกัดที่อาจส่งผลเสียหายต่อเครื่องยนต์ได้นั่นเอง

และนี่ก็คือวิธีการ เช็กรถก่อนเดินทาง ที่หากใครกำลังมีความต้องการที่จะต้องใช้รถยนต์ในการขับขี่ออกเดินทางขอบอกเลยว่า 5 วิธีในการเช็กรถยนต์เหล่านี้สามารถช่วยป้องกันคุณจากอุบัติเหตุที่อาจสามารถเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่อาจคาดคิด ถ้ารู้ก่อนป้องกันก่อนดีที่สุด แม้แต่การลงทุน หุ้น หวย แทงบอล ก็เช่นกัน ถ้าเกิดไม่วิเคราะห์บอลคู่นั้นหรือดูการตลาดหุ้นและเลขเด็ดก่อนลงทุน ก็อาจจะพลาดได้

สายบุญห้ามพลาด 5 พระใหญ่ต้องได้กราบ

ด้วยแรงแห่งศรัทธาบ่อยครั้งที่มามาพร้อมกับความยิ่งใหญ่ ทั่วประเทศไทยจึงมีการสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ (Big Buddha) และนี่คือ 5 พระใหญ่ต้องได้กราบสักครั้งในชีวิต

1. พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
มาอ่างทองทั้งที จุดเช็คอินที่ห้ามพลาดคือวัดม่วง เพื่อกราบสักการะ หลวงพ่อใหญ่หรือพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ องค์พระเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สูง 95 เมตร หน้าตักกว้าง 63 เมตร องค์พระเป็นสีทองเหลืองอร่ามงามตา เมื่อมากราบหลวงพ่อใหญ่แล้ว ขาดไม่ได้คือการตั้งจิตอธิษฐานขอพรแล้วใช้มือทั้งสองข้างสัมผัสกับปลายนิ้วกลางของหลวงพ่อใหญ่ ว่ากันว่าจะสมดังใจปรารถนา

2. พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
องค์พระใหญ่คือ “พระพุทธเจ้า 5 พระองค์” โดดเด่นสง่างามด้วยโทนสีขาวเป็นหลัก ประทับบนดอกบัวไล่เลียงทั้ง 5 องค์ลดหลั่นกันลงมา ลงตัวทั้งมุมและองศา โดยมีฉากหลังเป็นแนวภูเขา สร้างขึ้นเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระชนม์มายุ 85 พรรษาในหลวงรัชกาลที่ 9 ใครที่ไปเที่ยวเขาค้อ ต้องหาโอกาสแวะไปกราบสักการะ และชื่นชมความงามของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หน้าหนาวแบบนี้ เหมาะอย่างยิ่งกับภาพองค์พระใหญ่ท่ามกลางม่านหมอก

3. พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ พุทธมณฑลสถานวัดเขาทำเทียม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
องค์พระใหญ่แกะสลักจากหน้าผาหิน เป็นพระพุทธรูปปางโปรดพุทธมารดา องค์พระเป็นสีเทาดำ สูงประมาณ 108 เมตร ฐานกว้าง 88 เมตร หน้าตักกว้าง 65 เมตร เพียงแค่เข้าไปในพื้นที่ก็จะเห็นองค์พระตั้งตระหง่านตรงหน้าผา นอกจากนี้ที่ด้านหลังขององค์พระ ยังเจาะเป็นอุโมงค์ ภายในมีพระพุทธรูปต่าง ๆ ให้กราบสักการะ เมื่อมีโอกาสไปสุพรรณบุรี อย่าลืมแวะไปอ.อู่ทอง เพื่อสักการะหลวงพ่ออู่ทอง

4. พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี วัดกิตติสังฆาราม อ.เมือง จ.ภูเก็ต
พระใหญ่แห่งเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต พระพุทธรูปปางมารวิชัยร่วมสมัยที่องค์พระเป็นสีขาวบริสุทธิ์ด้วยหินอ่อนหยกขาว “สุริยกันต” จากพม่า ความสูง 45 เมตร หน้าตักกว้าง 25.45 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขานาคเกิด เมื่อขึ้นมาแล้วนอกจากจะได้กราบองค์พระใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์แล้ว เรายังจะได้ชมทัศนียภาพมุมมอง 360 องศารอบเกาะภูเก็ตอีกด้วย

5. พระพุทธธรรมกายเทพมงคล วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้เองสำหรับพระใหญ่องค์ล่าสุดของประเทศไทย พระพุทธธรรมกายเทพมงคล เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสีทองอร่าม มีความสูง 69 เมตร (ประมาณตึก 20 ชั้น) หน้าตักกว้าง 40 เมตร จัดสร้างขึ้นตามนิมิตของหลวงพ่อสดถือเป็นอีกหนึ่งองค์พระใหญ่ ที่ต้องหาโอกาสไปกราบสักการะ ถือเป็นองค์พระที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางหมู่ตึกในเมืองหลวง เป็นภาพที่ชวนให้คิดตีปริศนาธรรม

อันที่จริง ยังมีองค์พระใหญ่อีกหลายแห่งในไทย ที่คนไทยคนได้ไปกราบในแต่ละเทศกาล เช่น ปีใหม่ วันสงกรานต์หรือแม้แต่วันเกิด เพื่อเสริมสร้างสิริมงคล และเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปและชาวต่างชาติได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในไทยได้มากขึ้นด้วย

แนวโน้มที่เปลี่ยนไปของการท่องเที่ยวไทยในยุค 2018

การท่องเที่ยวไทยในยุค 2018

การท่องเที่ยวไทยในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมาโด่งดังในลักษณะของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากร ฟื้นฟูธรรมชาติ เช่น ระบบป่าชายเลน การดูแลเต่าทะเล ซึ่งได้อาศัยความมีส่วนร่วมทั้งจากภาครัฐและเอกชนตลอดจนการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อ โดยเฉพาะโทรทัศน์ รายการทีวี เพื่อสนับสนุนกิจกรรมท่องเที่ยวไทยในเชิงกระตุ้นจิตสำนึกรักธรรมชาติในรูปแบบต่าง ๆ

สำหรับยุคสมัย 2018 ที่โลกออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของแทบทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันของผู้คน โดยเฉพาะคนวัย 18 -35 ปีที่เรียกว่า ชาวมิลเลนเนียน ก็ทำให้สไตล์กิจกรรมการท่องเที่ยวไทยเปลี่ยนไป โดยแพล็ตฟอร์ม (platform) และแอปพลิเคชั่น ใหม่ ๆ ในระยะช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และต่อจากนี้จะมีบทบาทมากที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้

แนวโน้มที่เปลี่ยนไปของการท่องเที่ยวไทยในยุค 2018

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้สูงวัย (วัยทองและวัยหลังเกษียณ) ทั้งไทยและเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ของการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากประเทศไทยเองก็กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ (Complete Age Society) ในปี พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับประชากรส่วนใหญ่ของโลก ประกอบกับการขยายตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) เนื่องจากค่าครองชีพในไทยที่ไม่แพงเกินไป สำหรับการชื่นชมความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ และการฟื้นฟูสุขภาพกายและใจไปพร้อม ๆ กัน

จึงทำให้มีการขยายตัวของธุรกิจสถานพยาบาลและคลินิกเฉพาะทางต่าง ๆ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทั้งในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งในเขตตัวเมืองและเกาะต่าง ๆ เช่น ภูเก็ต เพื่อรองรับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคและการฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งของคนในประเทศ (เน้นที่กลุ่มผู้มีรายได้ 500,000 บาทต่อปีขึ้นไป) และนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยเฉพาะประเทศไทย (ซึ่งหลาย ๆ สถาบันวิเคราะห์ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในภูมิภาคนี้)

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Tourism จากต่างชาติที่จะมีอิทธิพลสูงต่อการท่องเที่ยวไทยในอนาคต ที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินไว้ คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีความสนใจในบริการทางการแพทย์และสุขภาพเฉพาะด้าน คือ การรักษาภาวะมีบุตรยากและการดูแลด้านความงามและสุขภาพด้วยศาสตร์ชะลอวัย (Antiaging) ซึ่งประเทศไทยมีชื่อเสียงอย่างมากทั้งในภาคปฏิบัติและงานบริการที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและภาคการเรียนการสอนที่มีหลักสูตรระดับนานาชาติทางด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-aging and Regenerative Science) ที่รู้จักกันโดยทั่วไป

ทั้งนี้ ตลาดทางธุรกิจท่องเที่ยวไทยจะมีแนวโน้มที่สดใสและมั่นคงได้นานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 ต่อเมื่อประเทศไทยมีพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการค้าที่ดี บนพื้นฐานทัศนคติที่ตั้งใจจะ “ก้าว” พัฒนาและเรียนรู้ไปพร้อมกัน มิใช่มุ่งหวังจะเป็นคู่แข่งทางการค้าอย่างในอดีตที่ผ่านมา

© 2024 KorSan

Theme by Anders NorenUp ↑